*Daily Life*

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

**เรื่องของ "ใ จ"**

ใจเป็นที่ตั้งของมโนกรรม มโนกรรมคือการกระทำที่เกิดขึ้นด้วยใจ ยังไม่ลงไม้ลงมือด้วยกาย

นอกจากเป็นที่ตั้งของมโนกรรมแล้ว โดยธรรมชาติของใจยังสามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ เช่นภาวะของตนเอง ทราบได้ด้วยตนเองว่าใจถูกดัดแปลงให้สว่างได้ด้วยเจตนาที่เป็นกุศล หรือปรับให้มืดลงด้วยเจตนาอันเป็นอกุศลก็ได้

เมื่อตั้งเจตนาเป็นกุศล เช่นจะช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความเดือดร้อน เรียกว่าทำกรรมขาว เพราะกรรมนั้นมีความสว่าง และปรุงแต่งจิตให้สว่าง ามารถรู้สึกได้ด้วยใจว่าทำกุศลกรรมแล้วเบิกบาน มีปีติโสมนัสนาน อยากยิ้มชื่นใจ หัวอกเบาโล่ง อบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยไร้กังวล ต่อให้ตกอยู่ในท่ามกลางอาวุธแวดล้อมก็ไม่นึกพรั่น เพราะใจบอกตนเองว่าถ้าต้องขาดใจตายเดี๋ยวนั้นก็มีอะไรดีๆรออยู่ มัจจุราชไม่น่ากลัวเกรงเอาเลย

แต่หากตั้งเจตนาเป็นอกุศล เช่นจะเบียดเบียนให้ผู้อื่นต้องเป็นทุกข์ ก็เรียกว่าทำกรรมดำ เพราะกรรมนั้นมีความมืด และปรุงแต่งจิตให้มืด เหตุนี้จึงถือว่ากรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม
สามารถรู้สึกได้ด้วยใจว่าทำ อกุศลกรรมแล้วทึบแน่น แม้เกิดความอิ่มใจหรือสะใจบ้างก็หน่วงหนักอยู่ในอก และรู้สึกเหมือนตกอยู่ท่ามกลางภยันตราย น่ากังวลอย่างลึกลับแม้อยู่ในรถหุ้มเกราะกันกระสุนหนากี่หุนก็ตาม เพราะใจบอกตนเองว่าถ้าตายเดี๋ยวนั้นก็ต้องไปเป็นทุกข์หนักทันที มัจจุราชจะเป็นผู้มาเยือนที่น่าขนหัวลุกที่สุดในชีวิต

กรรมทั้งหลายมี ใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน แม้จะลงมือกระทำทางกายเหมือนกัน แต่ถ้ามโนกรรมแตกต่างกัน ก็ให้ผลเป็นคนละเรื่อง ยก ตัวอย่างเช่นหมอสองคนฉีดยาให้คนไข้เหมือนๆกัน แต่หมอคนหนึ่งเลือกยาที่รู้ว่าจะช่วยให้หายขาด ก็เรียกว่ามีมโนกรรมเป็นการช่วยเหลือ และทำหน้าที่ของหมอด้วยจิตวิญญาณของหมอ ส่วนหมออีกคนเลือกยาที่รู้ว่าจะบรรเทาอาการให้ลดลง แต่ต้องมาฉีดยาและจ่ายเงินเพิ่มอีกหลายหน ก็เรียกว่ามีมโนกรรมเป็นการขูดรีด ไม่ได้ทำหน้าที่ของหมอ จิตวิญญาณเป็นแค่พ่อค้ายาแก้ปวดผู้ไร้ความปรานีเท่านั้น
จิตใจเป็นหนึ่งในผลกรรมจากอดีตชาติ เช่นใจที่มีสำนึกแบบมนุษย์ย่อมเคยทำบุญมาจนรู้ผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล หากทำบาปไว้หนักๆ ไม่ใคร่จะได้ประกอบการบุญเอาเลย เช่นนี้กรรมจะตกแต่งให้ใจในชาติถัดมามืดมน รับรู้และแยกแยะยากว่าอะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาป

และ
การที่จิตใจเป็น เพียง ‘ผลผลิต’ จากกรรมในอดีต ก็ย่อมหมายความว่าจิตใจโดยความเป็นคุณอย่างนี้ไม่ได้มีอยู่ก่อนโดยเดิม คุณไม่สามารถอ้างว่าจิตในชาติที่แล้วเป็นอันเดียวกับจิตในชาตินี้ เนื่องจากจิตไม่ได้สร้างจิต แต่จิตถูกสร้างขึ้นด้วยกรรม หากกรรมเก่าของพวกเราดำกว่านี้ กรรมดำจะผลิตจิตแบบสัตว์นรก หรือจิตแบบเดรัจฉาน หรือจิตแบบเปรตขึ้นมาแทนจิตแบบมนุษย์

ฉะนั้น จึงไม่ผิดเสียทีเดียว หากคุณรู้สึกว่าตัวตนแบบที่เป็นคุณอยู่เดี๋ยวนี้ มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง เหตุเพราะคุณไม่เคยมีจิตซ้ำกันสักชาติ เริ่มชาติใหม่ทุกอย่างก็เหมือนตั้งต้นใหม่หมด ทั้งร่างกายที่ได้มาใหม่ด้วยการขอแบ่งเลือดเนื้อจากพ่อแม่คู่ปัจจุบัน และทั้งจิตที่กรรมเก่าส่งให้อุบัติในจังหวะเหมาะแก่การปฏิสนธิ จะมีก็แต่การสืบของกรรม ที่ยังไหลไปอย่างสืบเนื่องเหมือนสายน้ำ

คุณสมบัติ ของจิตเป็นสิ่งที่ดัดแปลงได้ด้วยกรรมในปัจจุบันชาติ และง่ายกว่าการดัดแปลงกายมาก อีกทั้งยังให้ผลกระทบต่อชีวิตอย่างชัดเจน ทั้งความสุขอันเป็นของภายใน และทั้งการฉายรัศมีรุ่งเรืองเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาภายนอก


ความเจิดจรัสของจิตเกิดขึ้นจากสติเป็นหลัก
และสติ ก็มีทั้งที่ยืนอยู่บนความเห็นชอบกับที่ยืนอยู่บนความเห็นผิด ฉะนั้นแม้เป็นอาชญากรก็อาจมีรัศมีจิตเฉิดฉายน่าเกรงขามได้ ตราบเท่าที่จิตของเขาไม่หมกมุ่นกับเรื่องต่ำๆ และมีสติอยู่กับเนื้อกับตัว หรือมีสติอยู่กับความสำเร็จที่เขารู้สึกยินดี แต่อย่างไรความเจิดจรัสที่ยืนพื้นอยู่บนกรรมดำ ก็ย่อมไม่สดใสเย็นใจได้เหมือนความเจิดจรัสที่ยืนพื้นอยู่บนกรรมขาวอย่างแน่ นอน

ความเจิดจรัสอันเกิดจากการใช้สติปัญญา ใช้ความคิดอ่านที่ชาญฉลาดไปในทางช่วยเหลือผู้คน เมื่อรวมกับรัศมีสว่างสะอาดอันเกิดจากการมีขันติ งดเว้นความประพฤติอันเบียดเบียนตนเบียดเบียนท่าน จะปรุงแต่งให้เกิดความรู้สึกดีๆ อบอุ่นใจอยู่กับตนเอง และเหนี่ยวนำคนใกล้ชิดให้เกิดความรู้สึกแบบเดียวกันด้วย



บทความจาก หนังสือ "มีชีวิตที่คิดไม่ถึง" โดยคุณดังตฤณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น